วัดถ้ำเขาหลวง
 หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่ของเพชรบุรี ตั้งอยู่บนเขาหลวง ภูเขาลูกเล็ก ๆ ที่มีความสูงเพียง 92 เมตร สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะสร้างวัดบนยอดเขา เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเสด็จประพาสมายังถ้ำแห่งนี้ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปที่สวยงาม และยังมีช่องกว้างที่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามากระทบแนวหินก่อให้เกิดความงดงาม การไปเที่ยววัดถ้ำเขาหลวง นักท่องเที่ยวจะต้องเดินลงบันไดเพื่อลงสู่ปากถ้ำ เมื่อเข้ามาภายในถ้ำจะเห็นช่องกว้างที่แสงพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามากระทบแนวหิน ทำให้ภายในถ้ำเกิดสีสันสวยงาม อีกทั้งยังมีโพรงหินที่แตกเป็นช่อง อากาศภายในถ้ำเย็นสบาย ไม่อับชื้น โดยภายในยังมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ รวมถึงพระพุทธรูปอื่น ๆ มากมาย แต่ไฮไลต์เด็ดที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวเห็นจะหนีไม่พ้น การได้เฝ้าชมลำแสงส่องสว่างลงมาจากเพดานถ้ำ โดยจะส่องลงมายังบริเวณพระพุทธรูปองค์ใหญ่ (หลวงพ่อโต) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งในแต่ละช่วงเวลาและฤดูกาล ลำแสงก็จะทำมุมแตกต่างกันไปด้วย ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาเที่ยวที่นี่กันไม่ขาดสายสำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่สนใจอยากจะเดินทางมาเที่ยววัดถ้ำเขาหลวง มาเที่ยวได้ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. แต่ถ้าใครอยากจะเห็นลำแสงสวย ๆ แนะนำว่าให้มาช่วงเวลาประมาณ 10.00-11.00 น. จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
วัดพระพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน)
สถานที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์หรือพระนอนที่มีอายุเก่าแก่กว่า 400 ปี มีความยาว 43 เมตร มีความสูงจากพระเศียรถึงฐานบรรทม 15 เมตร จัดเป็นพระนอนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ จุดเด่นที่แตกต่างจากพระนอนอื่น ๆ คือที่เศียรขององค์พระมีหมอนบรรทมรูปดอกบัวรองพระเศียรอยู่สองก้อน ทั้งนี้ เชื่อกันว่าผู้ที่เกิดวันอังคารควรหาโอกาสมากราบไหว้สักครั้ง จะนำพาความรุ่งเรืองมาสู่ชีวิต สำหรับวัดพระพุทธไสยาสน์ เป็นวัดเก่าแก่ที่ไม่ปรากฏหลักฐานสร้างที่แน่ชัด แต่สันนิษฐานกันว่าเป็นวัดที่มีมาแต่สมัยอยุธยา โดยชาวมอญที่มีจิตศรัทธา แต่หลังจากสิ้นสุดยุคสมัยของกรุงศรีอยุธยา วัดก็ถูกปล่อยทิ้งจนกลายเป็นวัดร้าง จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทอดพระเนตรเห็นองค์พระนอนที่ทรุดโทรมมาก จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างหลังคาสังกะสีคลุมไว้ ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มีการสร้างหลังคากระเบื้องคลุมองค์พระนอนไว้และกลายเป็นวิหารพระพุทธไสยาสน์ดังที่เห็นในปัจจุบัน
วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร
วัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร สันนิษฐานได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา จากหลักฐานตามพระราชหัตถเลขา ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ความตอนหนึ่งว่า “ภาพและลายในพระอุโบสถนี้คงเขียนมาก่อน 300 ปีขึ้นไป” สำหรับชื่อวัดใหญ่นั้น น่าจะมาจากพื้นที่ของวัดที่มีขนาด 20 ไร่เศษ ส่วนคำว่า สุวรรณ น่าจะได้จากพระนามของสมเด็จพระสังฆราช (แตงโม) ซึ่งเดิมท่านชื่อ “ทอง” หรืออาจเป็นนามฉายาของท่านว่า “สุวณฺณ” ก็ได้ เพราะท่านคือผู้ที่ทำการปฏิสังขรณ์ครั้งสำคัญให้กับวัด อันเป็นสถานศึกษาเดิม และวัดนี้จึงมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า วัดใหญ่สุวรรณาราม ในท้ายที่สุด
วัดนอกปากทะเล วิหารเรือ
วัดนอกปากทะเล เป็นวัดที่มีความสำคัญต่อชาวบ้านในชุมชนมาแต่โบราณค่ะ โดยวัดนอกปากทะเลแห่งนี้มีสิ่งสำคัญในวัดได้แก่ โบสถ์ไม้สักโบราณ อายุเก่าแก่กว่า 100 ปี และยังมี วิหารเภตรานิพพานัง ซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่งดงามของศิลปะหลายแขนง โดยจะเห็นได้เด่นชัดมากๆ เพราะตัวอาคารเป็นทรงของเรือสำเภาค่ะ ภายในมีภาพเขียนลายรดน้ำลงรักปิดทอง ประดับอยู่ทั่วผนังวิหาร วิจิตรตระการตามาก และมีอุปกรณ์ต่างๆ อย่าง พวงมาลัยเรือ ใบพัด เสากระโดงเรือ มาตกแต่งเพื่อให้เหมือนกับเรือสำเภาจริงๆ อีกด้วย
วัดมหาธาตุวรวิหาร
พระอารามหลวงชั้นตรี ที่มีความสำคัญอีกแห่งของจังหวัดเพชรบุรี สันนิษฐานว่าน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยทวารวดี เนื่องจากมีการค้นพบโบราณวัตถุสมัยนั้นจำนวนมากภายในบริเวณวัด ภายในวัดมีสิ่งน่าสนใจมากมาย เช่น พระวิหารหลวง ที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธรูปประธานทรงราชาภรณ์” พระพุทธรูปที่สำคัญ และยังมี “หลวงพ่อวัดมหาธาตุ” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์” พุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 8 นิ้ว หัตถ์ซ้ายถือพัด ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาเป็นอย่างมาก
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้